ท่องเที่ยวแอนตาติกาและบาร์บูดา ประเทศเกาะลับๆในทะเลแคริบเบียน
อดีตอาณานิคมของอังกฤษในทะเลแคริบเบียนตะวันออก ท่องเที่ยวแอนติกาและบาร์บูดาที่มีชายหาดที่งดงามที่สุดในโลก มีคำกล่าวด้วยว่าเป็น “ชายหาดสำหรับทุกวันตลอดทั้งปี” และบาร์บูดาเป็นเกาะอันเงียบสงบของแอนติกา มีผืนทรายที่สวยงามละเอียด มีนักท่องเที่ยวตลอดปีมาที่เกาะเพื่อว่ายน้ำ เล่นกระดานโต้คลื่น อาบแดด และนอนพักผ่อนบนชายฝั่ง แอนติกาดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาถึงท่าเรือในเมืองหลวงอันมีสีสันอย่างเซนต์จอห์นส์ ซึ่งมีแหล่งช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ และอาคารประวัติศาสตร์เป็นจุดดึงดูดที่สำคัญ เกาะนี้รักษาประวัติศาสตร์ในฐานะท่าเรือทางยุทธศาสตร์และใครที่รักสัตว์สามารถว่ายน้ำกับปลากระเบนที่เป็นมิตรได้อีกด้วย พาทัวร์เที่ยวแอนติกาและบาร์บูดา มีสถานที่ท่องเที่ยวไหนไม่ควรพลาดบ้าง
Half Moon Bay
ฮาล์ฟมูนเบย์ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของแอนติกาล้อมรอบด้วยชายหาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลแคริบเบียน มีเสี้ยวที่งดงามของหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสี แนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ธรรมชาติ เป็นจุดดำน้ำที่ยอดเยี่ยมในวันที่อากาศสงบ ยังมีร้านอาหารเล็กๆ เสิร์ฟของว่างใกล้ชายหาด และทุกคนสามารถเช่าเก้าอี้และร่ม ปิกนิกนอนพักผ่อนชิลๆได้ที่หาดนี้
Stingray City
Stingray City ใช้เวลานั่งเรือเร็วเพียง 5 นาทีจากชายฝั่งตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นแอ่งน้ำตื้นที่มีก้นเป็นทรายท่ามกลางแนวปะการังเขตร้อน มีปลากระเบนทางใต้ที่เป็นมิตรหลายร้อยตัวว่ายผ่านผืนน้ำใสสะอาดเพื่อรออาหารจากนักท่องเที่ยว สามารถว่ายน้ำ หรือดำน้ำไปกับฝูงปลากระเบนได้ และสำรวจแนวปะการังโดยรอบ การสัมผัสผิวกายที่เนียนลื่นของปลากระเบนคือไฮไลท์ของกิจกรรมที่นี่ การเดินทางไปยัง Stingray City เป็นหนึ่งในสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแอนติกา
17 Mile Beach
หาด 17 ไมล์ของบาร์บูดาเป็นชายฝั่งที่ทอดยาว ผืนทรายที่แต่งแต้มด้วยสีชมพูอันสวยงามนี้ถูกโอบล้อมด้วยน้ำทะเลใส ซึ่งแยกทะเลสาบ Barbuda ออกจากทะเลแคริบเบียน และสร้างความประทับใจให้กับใครที่ชื่นชอบชายหาด การเดินเล่นไปตามชายฝั่งที่สวยงามเหล่านี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่สุดในบาร์บูดา ทรายที่นี่นุ่มละเอียด หรือหากใครที่ต้องการชมทิวทัศน์มุมสูงแบบสวยๆ ให้บินด้วยเฮลิคอปเตอร์กับทัวร์ ทัวร์มักจะรวมอาหารกลางวันแสนอร่อยบนชายหาด และยังรวมการเยี่ยมชมที่นี่เข้ากับฝูงนกเรือรบที่อยู่ใกล้เคียง สถานที่ท่องเที่ยวทั้งสองแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในแอนติกา

Nelson’s Dockyard National Park
อุทยานแห่งชาติ Nelson’s Dockyard ใน English Harbour เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เป็นอู่ต่อเรือแบบจอร์เจียแห่งเดียวในโลก เป็นที่ตั้งของอู่ต่อเรืออังกฤษในศตวรรษที่ 18 ของแอนติกา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในเดือนกรกฎาคม 2559
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของอู่ต่อเรือได้ที่ The Dockyard Museum ในบ้านของ Admiral’s House ในอดีต และทุกคนยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ด้วยการเดินไปรอบ ๆ โกดังหินที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม ซึ่งตัดกับเรือซูเปอร์ยอทช์สุดหรูในท่าจอดเรือได้อย่างโดดเด่น อาคารเก่าแก่ส่วนใหญ่เหล่านี้ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และหอศิลป์
หากคุณต้องการสำรวจไกลออกไป พื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุดของเกาะ ซึ่งนำไปสู่ป้อมปราการเก่าแก่พร้อมทิวทัศน์แบบพาโนรามา Fort Shirley ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ Shirley Heights มีทิวทัศน์ที่ดีที่สุด
Fig Tree Drive
ขับไปตามชายฝั่งทางตอนใต้ของแอนติกา เส้นทาง Fig Tree Drive คดเคี้ยวผ่านป่าฝน พื้นที่เพาะปลูก และหมู่บ้านชาวประมง เป็นเส้นทางการขับรถที่จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ต้นมะเดื่อ ต้นมะม่วง และต้นมะพร้าวกระจายอยู่ทั่วไปตามภูมิประเทศ รวมถึงซากปรักหักพังของโรงงานน้ำตาล มีแผงขายผลไม้สดริมถนน โดยเฉพาะสับปะรดที่ฉ่ำสุดๆตลอดเส้นทาง หอศิลป์ Fig Tree Studio ขายงานศิลปะท้องถิ่นที่มีชีวิตชีวา และ
วิธีการเดินทางไปแอนติกาและบาร์บูดา
จากไทยไปแอนติกาและบาร์บูดาใช้เวลาเดินทางเริ่มต้นประมาณ 33 ชั่วโมง โดยเครื่องบิน มีสายการบินให้บริการดังนี้
- ไชน่าแอร์ไลน์
- อเมริกันแอร์ไลน์
- กาตาร์แอร์เวย์
- เจ็ตบลูแอร์เวย์
- คาเธ่ย์แปซิฟิก
- การบินไทย
- เวอร์จินแอตแลนติก
- เอมิเรตส์
- บริติชแอร์เวย์
- เอเชียนาแอร์ไลน์
- โคเรียนแอร์
- เดลต้าแอร์ไลน์
- ANA
บริษัททัวร์เที่ยวแอนติกาและบาร์บูดา
ปัจจุบันยังไม่มีทัวร์ท่องเที่ยวแอนติกาและบาร์บูดาจากประเทศไทย แต่ทุกคนสามารถเดินทางเที่ยวได้ด้วยตัวเอง หรือใช้บริการไกด์ทัวร์ท้องถิ่นได้